Transportation-cente

นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และนายเกรียงวิชญ์ เตชวิทยไวทิน ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ให้เกียรติเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานการสัมมนา เพื่อนำเสนอผลการศึกษาพร้อมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ ในการบริหารจัดการและกระจายสินค้าจังหวัดพิษณุโลก เพื่อนำเสนอผลสรุป ของโครงการ ในรูปแบบของ Logistics Hub ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการบริหารจัดการพื้นที่พร้อมแผนดำเนินการในระยะถัดไป

นางวิไลรัตน์ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้จะมีการรายงานผลการศึกษา ที่เป็นฉบับสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องต่อผลการศึกษาดังกล่าว อันเป็นการแสดงออกถึงการร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดการเจริญรุ่งเรืองทั้งระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน โดยจากผลการศึกษาปรากฏว่า จังหวัดพิษณุโลกมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ในการที่จะพัฒนาเป็น ” เขตอุตสาหกรรม Logistics อัน ผสมผสานกับ ” ศูนย์การขนส่งและLogistics ”

อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการศึกษาหาความเหมาะสมในการจัดทำแผนการพัฒนา โดยสามารถแบ่ง การพัฒนาออกเป็นทั้งหมด 3 ระยะ คือระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2565 เริ่มเปิดให้บริการพื้นที่ในการรวบรวมและกระจายสินค้าทางถนน รวมทั้งการก่อสร้างพื้นที่ให้หน่วยงานเอกชนเช่า ต่อมาระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2570 เริ่มเปิดพื้นที่เพื่อการขนส่งสินค้าทางราง ระยะสุดท้ายระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2580 เริ่มเปิดให้บริการพื้นที่เขต Free Zone โดยมีการคาดการณ์กันว่าใช้งบประมาณรวมถึง 2,500 ล้านบาทด้วยกัน

Transportation-center-pic

การพัฒนาโครงสร้างและระบบ Logistics ในครั้งนี้จะกลายเป็นแห่งแรกของภาคเหนือตอนล่าง และเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ของลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีการพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์ Logistics แบบครบครันที่ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนมีการวางเป้าหมายทางด้านยุทธศาสตร์ ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาด้วย โดยจะช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวม เกิดการพัฒนาพร้อมขยายตัวมากขึ้นมากถึง 3,300 ล้านบาท จนก่อเกิดรายได้จากอัตราจ้างงานสูงถึง 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยังได้ริเริ่มดำเนินโครงการลานประชารัฐ ภายในนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีช่องทางใหม่ๆ เพื่อใช้ในการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดย กนอ.ได้ก่อสร้างลานประชารัฐบนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ อันประกอบไปด้วย อาคารจำนวน 1 หลัง และอาคารจำหน่ายสินค้า จำนวน 4 หลัง เพื่อให้ชาวบ้านนำผลิตภัณฑ์สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ที่มีมาตรฐานและคุณภาพ มาวางจำหน่าย เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม , สิ่งทอและเครื่องประดับตกแต่ง , ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก โดยในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีการจับจองจนเต็มแล้ว